บรรยากาศการปล่อยโคมลอยที่ยิ่งใหญ่ในเชียงใหม่

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โคมลอยหรือโคมไฟในประเพณีต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่

                                  ที่มาของคำว่า โคม ในสมัยดั้งเดิมจนถึงปัจจุบัน

      โคม  เป็นเครื่องกำบังไฟไม่ให้ดับเมื่อถูกลมพัด  ภายในจุดเทียนหรือผางประทีป (ผางประทีปเป็นภาชนะดินเผาคล้ายถ้วยเล็ก ๆ ใช้มันสัตว์ เช่น ขี้ผึ้งหรือน้ำมันพืชเป็นเชื้อเพลิงมีไส้่ทำด้วยฟั่น  ช่วยให้ไฟติดต่อเนื่องเป็นเวลานาน) ในอดีต  เกิดจากการที่ชาวนาไปทำนาในตอนกลางคืน ได้จุดเทียนเพื่อให้แสงสว่างในการทำงาน  บางครั้งลมพัดทำให้เทียนดับ ชาวนาจึงใช้ตระกร้าที่ใส่ของมาครอบเทียนแล้วนำกระดาษมาหุ้มรอบ ๆ ไม่ต้องลำบากในการจุดเทียนอีก  ต่อมาชาวบ้านได้ประยุกต์มาใช้ในการประดิษฐ์โคมไฟเพื่อใช้สำหรับบูชาพระพุทธเจ้าในช่วงประเพณียี่เป็ง(ประเพณีลอยกระทง)ของชาวล้านนา
     โคมถือว่าเป็นของสูงที่แสดงถึงความสว่างรุ่งโรจน์ตามตำนานในคำภีร์พระธรรมเทศนา  อานิสงค์ผางผะติป (ประทีป)  ผู้ใดนำโคมไปบูชาในวันเดือนยี่เป็งตามประเพณีดั้งเดิมจะได้รับผลบุญต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข
      การทำโคมไฟ  ใช้ไม้ไผ่ปล้องยาวเป็นวัสดุขึ้นโครงและหุ้มด้วยกระดาษสา,กระดาษแก้วหรือผ้า  มีการประดับตกแต่งโคมด้วยการตัดลวดลายต่างๆ จากกระดาษ  ตระกั่วอย่างสวยงาม
       
                                            โคมล้านนา  แบ่งได้  8  ชนิดคือ


                 1. โคมแปดเหลี่ยม

                              2. โคมไห

                     3. โคมดาว

                              4. โคมไต

              5. โคมหูกระต่าย

              
                 6. โคมดอกบัว             

                       7.โคมผัด

                 8. โคมรูปสัตว์



            ในปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบให้แตกต่างออกไปอีกเป็นจำนวนมากและยังมีการทำโคมเพื่อประกอบพีธีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งประยุกต์ใช้ในการตกแต่งอาคารสถานที่  เพื่อให้เกิดความสวยงามได้บรรยากาศแบบล้านนา  (7 จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย)  การเรียนรู้การทำโคมไฟแบบล้านนายังมีผู้ให้ความสำคัญอนุรักษ์และสืบสานอย่างต่อเนื่อง  ท้ังในระดับครอบครัว และหมู่บ้าน

           วัสดุและรูปแบบที่เหมาะสมของโคมลอย

1. โคมลอยที่ปล่อยต้องปริมาตรไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร  และทำจากวัสดุธรรมชาติ
2. โคมลอยส่วนที่เป็นตัวโคม  ต้องทำจากวัสดุธรรมชาติ  เช่น  กระดาษ  ส่วนตัวโครงของโคมทำจากไม้ไผ่  และไม่ติดอุปกรณ์หรือวัสดุตกแต่งใดๆที่มีคุณสมบัติติดไฟหรือเกิดประกายไฟลุกไหม้ได้ง่ายไว้กับโคมลอย
3. ส่วนที่เป็นเชื้อเพลิงทำจากกระดาษชุบเทียน  ขี้ผึ้ง  หรือพาราฟิน  ซึ่งใช้สำหรับจุดไฟให้อากาศร้อนในตัวโคม  เพื่อให้โคมยกตัวลอยสู่อากาศเองได้
4. การยึดติดเชื้อเพลิงตัวโคมให้ยึดติดด้วยเชือกทนไฟ  เชือก หรือลวดอ่อนเบอร์ 24 เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5  มิลลิเมตร  จำนวน 2 เส้น  แต่ละเส้นความยาวต้องไม่เกิน 30 เซ็นติเมตร
5. โคมลอยขนาดใหญ่  ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต้องไม่เกิน 90 เซ็นติเมตร  ความสูงต้องไม่เกิน 140 เซนติเมตร น้ำหนักเชื้อเพลิงไม่เกิน 55 กรัม ระยะเวลาเผ่าไหม้ของเชื้อเพลิงไม่เกิน 8 นาที  สำหรับโคมลอยที่มีขนาดลดลงให้เป็นไปตามส่วนของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง  และความสูงน้ำหนักเชื้ิอเพลิง 
6. ช่วงเวลาที่เหมาะสมและปลอดภัยต่ออากาศยานในการปล่อยโคมลอย  เห็นควรเป็นช่วง  21.30 นาที
                                    
                                           การปล่อยโคมลอยอย่างปลอดภัย







- ควรปล่อยโคมลอยในสถานที่โล่ง  ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ 
- ควรปล่อยโคมลอยในช่วงในลมสงบ
- ก่อนปล่อยโคมลอยต้องสังเกตให้แน่นอนว่าไม่มีสายไฟฟ้าอยู่ในบริเวณใกล้เคียง  หรือหากมีต้องแน่ใจว่า  เมื่อปล่อยโคมลอยแล้วจะไม่ลอยไปแตะถูกสายไฟฟ้าได้
- ในการปล่อยโคมลอยแต่ละครั้งควรรอให้โคมลอยมีแรงดึงตัวขึ้นให้มากจนแน่ว่า  เมื่อปล่อยแล้วจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยเร็ว
- อย่าใช้เชื้อเพลิงให้มากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการใช้โคมลอยที่มีโครงเป็นโลหะ  หากโคมลอยไปแตะหรือเกี่ยวพันกับสายไฟ  หรือเสาไฟฟ้าอย่าทำการแก้ไขเอง  ต้องรีบแจ้างให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใกล้บ้านทราบโดยด่วน